สี่บท ระบำมาตรฐานที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ

 สี่บท ระบำมาตรฐานที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ



ระบำสี่บท เป็นระบำที่ยกย่องกันมาแต่โบราณว่าเป็นชุดระบำแบบแผนประกอบด้วยบทร้อง

และทำนองเพลง 4 บท คือ พระทอง เบ้าหลุด สระบุหร่ง และบลิ่ม รวมเรียกว่า "ระบำสี่บท" เพลงเหล่านี้ สันนิษฐานว่ามีมาแต่ในสมัยสุโขทัย แต่ละบทมีทำนองขับร้องและลีลาท่ารำแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะบทร้องเพลงสระบุหร่งซึ่งเป็นบทสุดท้ายจะออกด้วยเพลงช้าเพลงเร็ว ระบำซึ่งมีท่ารำเป็นรูปแบบเฉพาะ



สมัยก่อนนิยมนำระบำสี่บทไปบรรจุไว้ในการแสดงชุดที่เป็นเรื่องใหญ่ เช่น ระบำเทพบุตร - นางฟ้า ซึ่งอยู่ในตอนต้นของระบำเบิกโรงนาฏศิลป์ชุดเมขลารามสูร เป็นต้น โดยเหตุที่ระบำชุดนี้ถ้าจะรำสี่บทก็ใช้เวลานานมาก ดังนั้นในสมัยโบราณจึงตัดทอนนำมาร้องและรำกันเพียง 2 - 3 บท หรือในบางโอกาสก็ใช้เพียงบทเดียวก็ได้


อย่างไรก็ดี ระบำชุดนี้จัดเป็นระบำมาตรฐานทั้งในด้านการแต่งกาย เพลงร้องและดนตรี ตลอดจนท่ารำอันเป็นแบบฉบับของระบำพระ - นาง ชุดอื่นๆ ต่อมา



เนื้อเพลง

ร้องพระทอง

เมื่อนั้น   ฝ่ายฝูงเทวาทุกราศี

ทั้งเทพธิดานารี   สุขเกษมเปรมปรีดิ์เป็นสุขคิด

เทพบุตรจับระบำทำท่า   นางฟ้ารำฟ้อนอ่อนจริต

รำเรียงเคียงเข้าไปให้ชิด   ทอดสนิทติดพันกัลยา

แล้วตีวงเวียนเปลี่ยนซ้าย   ร่ายตีวงเวียนเปลี่ยนขวา

ตลบหลังลดเลี้ยวลงมา   เทวัญกัลยาสำราญใจ


ร้องเบ้าหลุด

เมื่อนั้น   นางเทพอัปสรศรีใส

รำล่อเทวาสุราลัย   ท่วงทีหนีไล่พอได้กัน

เทพบุตรฉุดฉวยชายสไบ   นางผลักกรค้อนให้แล้วผิดผัน

หลีกหลบลุดเลี้ยวเกี่ยวพัน   เหียนหันมาขวาทำท่าทาง

ครั้งเทพเทวัญกระชั้นไล่   นางชม้อยถอยไปเสียให้ห่าง

เวียนระวังหันวงอยู่ตรงกลาง   ฝูงนางนารีก็ปรีดา


ร้องสระบุหร่ง

เมื่อนั้น   ฝ่ายฝูงเทพไทถ้วนหน้า

รำเรียงเคียงข้างกัลยา   เลี้ยวไล่ไขว่คว้าเป็นแยบคาย

เทพบุตรหยุดยืนจับระบำ   นางฟ้าฟ้อนรำทำถวาย

ทอดกรอ่อนระทวนกรีดกราย   เทพไททั้งหลายก็เปรมปรีดิ์


ร้องบลิ่ม

เมื่อนั้น   นางเทพธิดามารศรี

กรายกรอ่อนระทวยทั้งอินทรีย์   ดังกินรีรำฟ้อนร่อนรา

แล้วตีวงลดเลี้ยวเกี่ยวกล   ประสานแทรกกลับสนทั้งซ้ายขวา

ทอดกรงอนงามกริยา   เทวาประดิพันธ์เปรมปรีดิ์


ปี่พาทย์ทำเพลงช้า เร็ว





ที่มา : สารานุกรม ระบำ รำ ฟ้อน


ความคิดเห็น