สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาพูดถึงบุคคลท่านหนึ่งที่เป็นบุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทย
เขาผู้นั้นคือ ครูอุดม อังศุธร ครูอุดม อังศุธร เป็นผู้ครูที่มีความเชี่ยวชาญมีความรู้แตกฉานในด้านนาฏศิลป์ไทย อีกทั้งยังเป็นศิษย์เอกของคุณครูลมุล ยมะคุปย์ ปรมาจารย์นาฏศิลป์ไทย เรียกได้ว่าในอดีตไม่ว่าคุณครูลมุล ยมะคุปย์ จะสอนอยู่ที่ไหนในรั้วของวิทยาลัยนาฏศิลป์ ก็จะมีครูอุดม อังศุธร อยู่ด้วยเสมอ ภายหลังครูอุดม อังศุธรได้รับพระราชทานรับมอบให้เป็นผู้ประกอบพิธีไหว้ครูนาฏศิลป์ไทยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดาโหฐาน พระราชวังดุสิต ปี พ.ศ.2527
คุณครูอุดม อังศุธร เป็นประธานประกอบพิธีไหว้ครูโขน - ละคร กับพิธีการรับมอบผู้ประกอบพิธีไหว้ครูโขน - ละครในรุ่นถัดไป
เรียงจากขวาไปซ้าย
คุณครูวีระชัย ทีบ่อทรัพย์ , คุณครูไพฑูรย์ เข้มแข็ง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ไทย พุทธศักราช 2564 ,
คุณครูศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ไทย พุทธศักราช 2548
ครูอุดม อังศุธร เป็นชาวกรุงเทพมหานคร กำเนิดในคลีนิกแถวเขตบางรัก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2484 เป็นบุตรของนายปุณกันและนางแฉล้ม อังศุธร มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน คุณครูอุดมเป็นบุตรคนที่ 5
คุณครูอุดม อังศุธร ศึกษาในโรงเรียนนาฏศิลป์ตั้งแต่นาฏศิลป์ชั้นต้นปีที่ 1-6 นาฏศิลป์ชั้นกลางปีที่ 1-3 และระดับนาฏศิลป์ชั้นสูงอีก 2 ปี รวมเวลาทั้งสิ้น 11 ปี สำเร็จหลักสูตรสูงสุดของโรงเรียนนาฏศิลป์เทียบเท่าระดับ ป.ม.ช.(ระดับประโยคฝึกหัดครูมัธยมช่าง) ต่อมาเมื่อโรงเรียนนาฏศิลป์เลื่อนฐานะเป็นวิทยาลัยนาฏศิลป์และเเปิดการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยสมทบวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวะศึกษา(ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชมงคล) คุณครูได้เข้าศึกษาต่อจนได้รับพระราชทานปริญญาตรีสาขานาฏศิลป์ของสถาบันแห่งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อคุณครูอุดม อังศุธร เริ่มการศึกษาในโรงเรียนนาฏศิลป์ในระดับนาฏศิลป์ขั้นต้น ปีที่1 ท่านได้รับการคัดเลือกสาขาโขนยักษ์ แต่ตุณครูนิตยา จามรมาน ครูประจำชั้นเห็นว่าคุณครูอุดมหน้าตาดี เหมาะสมที่จะเรียนเป็นตัวพระ ซึ่งตรงกับความเห็นของคุณครูอาคม สายาคม ครูสอนตัวพระ จึงได้ย้ายมาฝึกหัดเป็นตัวพระ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดคุณประโยชน์ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นหลักของครูพระในกาลต่อมา
การศึกษาในโรงเรียนนาฏศิลป์ในครั้งนั้น นอกจากจะเรียนนาฏศิลป์แล้วจะต้องศึกษาวิชาสามัญ เช่นเดียวกับหลักสูตรทั่วไปของกระทรวงศึกษาธิการโดยแบ่งเวลาเรียนสลับกันในภาคเข้าและภาคบ่าย ในส่วนการเรียนนากศิลป์ คุณครูอุดม เริ่มเรียนนาฏศิลป์โขนพระหรือเริ่มหัดรำครั้งแรกกับครูวงศ์ ล้อมแก้ว อดีตโขนหลวงในสังกัดกรมมหรสพในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้หัดรำเพลงช้า เพลงเร็ว หน้าพาทย์ เบื้องต้น เช่น เชิด เสมอ สถานที่เรียน คือ ศาลาแสนหวี ซึ่งเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวที่ก่อสร้างจากงบประมาณการแสดงละครปลุกใจ เรื่องเจ้าหญิงแสนหวี บทประพันธ์ของหลวงวิจิตรวาทการ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ปัจจุบันศาลาแสนหวีได้ถูกก่อสร้างเป็นอาคารเรือนนอนฝ่ายประจำและเป็นโรงอาหารของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ในปัจจุบัน การเรียนในยุคนั้นนักเรียนไม่มากนัก ศาลาแสนหวี เป็นที่เรียนรวมของฝ่ายโขนทั้ง พระ ยักษ์ ลิง โดยแยกฝึกหัดฝ่ายละมุม แต่ทั้งผู้เรียนและครูผู้สอนก็จะมีสมาธิในการเรียนดีมาก ไม่ถือว่ารบกวนสมาธิซึ่งกันและกัน เสียงไม้เคาะจังหวะ การรำ เต้น ระงมไปหมด บางครั้งเมื่อจังหวะมาตรงกัน ก็จะเกิดความสนุกสนานในการเรียนไปพร้อมกันทุกมุมศาลา ครูผู้สอนรำทุกท่าน ได้สอนศิษย์อย่างใกล้ชิดและเข้มงวด หากศิษย์คนใดรำไม่ถูกต้อง วงเหลี่ยมไม่สวยงามครูจะคอยเดินตรวจ และจับท่าตลอดจนแก้ไขให้ถูกต้องทีละคน คนอื่นๆ ที่ครูมิได้จับท่า ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนท่ารำ หรือเรียกว่า "แช่ท่า" ศิษย์จะปวดเมื่อยก็ต้องอดทน บางครั้งถึงกับน้ำตาไหล แต่ข้อดีที่ได้รับคือ ความอดทน จดจำท่ารำได้แม่นยำไม่ลืมเลือน วงเหลี่ยมต่างๆ ที่ได้รับการจับแก้ไขสวยงามถูกต้องตามรูปแบบโดยเฉพาะกระบวนท่ารำ เพลงช้า เพลงเร็ว จะกวดขันมาก เพราะเป็นหลักสำคัญในขั้นตอนการเรียนนาฏศิลป์ในระดับที่สูงขึ้น
อุปกรณ์การเรียนในสมัยนั้นไม่มีเครื่องบันทึกเสียงหรือเปิดเพลงให้ฝึกหัด มีเพียงไม้เคาะจังหวะ สอดประสานกับคำอธิบายของครู นักเรียนสาขาโขนพระร่วมรุ่นของครูอุดม มีเพียง 4 คนเท่านั้น ต่อมาเมื่อมีทักษะเพ่มขึ้นจึงเรียนร่วมกับรุ่นพี่ โดยรำตามแถวพวกพี่ๆ นอกจากคุณครูวงศ์ ล้อมแก้ว เป็นครูหลักแล้ว ยังมีครูอาคม สายาคม และครูจำนง พรพิสุทธ์ มาช่วยฝึกสอนอีกด้วย นอกจากคุณครูอุดมจะได้รับเมตตาจากครูผู้สอนดังกล่าวแล้ว หลวงวิลาศวงงาม(หร่ำ อินทรนัฏ)ศิลปินท่านสำคัญในกรมมหรสพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้เข้ามาวางรากฐานการฝึกหัดและควบคุมการแสดงโขนตั้งแต่ พ.ศ.2488 ศิษย์มักจะเรียกท่านว่า "ปู่หลวง" ซึ่งท่านเป็นประธานการประกอบพิธีไหว้ครูละครให้แก่กรมศิลปากรและโรงเรียนนาฏศิลป์ เป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2488 หลวงวิลาศวงงาม ท่านให้ความเมตตาและเห็นหน่วยก้านลีลาท่ารำของครูอุดม ขณะทำการฝึกหัดเห็นข้อบกพร่องในท่ารำก็จะเข้ามากันท่าและแก้ไขให้ทุกครั้ง นับเป็นวาสนาและประสบการณ์ที่สำคัญยิ่งที่น้อยคนจะได้รับ ต่อมาคุณครูหลวงวิลาศวงงามได้คัดเลือกคุณครูอุดมให้เป็นพระลักษมณ์คู่กับครูทองสุก ทองหลิม ที่เป็นพระรามตลอดมา นิกจากจะแสดงแล้วตัวพระนายโรงแล้ว บางครั้งยังจะต้องแสดงเป็นนางกำนัลในการแสดงโขน เนื่องจากในสมัยนั้นยังคงใช้ผู้ชายแสดงเป็นตัวนาง
การแสดงแต่ละครั้งใช้เวลาฝึกซ้อมเป็นเดือน กว่าจะออกแสดงให้ได้ชม การแสดงจึงได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ชมเป็นอันมาก ความพร้อมเพรียงตั้งแต่การรำ เพลง ดนตรี การขับร้อง ฉากที่งดงาม เครื่องแต่งกายงาม จึงออกมาเป็นรูปแบบที่ตรึงตราตรึงใจผู้ชมในผลงานของกรมศิลปากรในครั้งนั้นๆ การจัดแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ(หอประชุมศิลปากรใกล้กับพระที่นั่งศิวโมกพิมาน ในบริเวณ พิพธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งต่อมาเกิดอัคคีภัย) ก่อนที่จะมาก่อสร้างโรงละครแห่งชาติในสถานที่ปัจจุบัน นอกจากนี้ครูอุดมยังได้มีโอกาสแสดงในรายการดนตรีประชาชนตามฤดูกาล ณ สังคีตศาลา และการแสดงของกรมศิลปากรในสถานที่ต่างๆ เสมอมา โดยได้ร่วมแสดงกับศิลปินชั้นครูหลายท่าน เช่น ครูอาคม สายาคม ครูวงศ์ ล้อมแก้ว ที่ท่านแสดงเป็นพระราม พระลักษมณ์ ครูอร่าม อินทรนัฏ คุณครูหยัด ช้างทอง คุณครูยอแสง ภักดีเทวา คุณครูชม้อย ธาวีเธียร แสดงเป็นยักษ์ ฝ่ายลิงได้แก่ คุณครูกรี วรศรินทร์ คุณครูฉลาด พกุลานนท์ คุณครูบุญชัย เฉลยทอง คุณครูบุญช่วย สุดแสดง แสดงเป็นวานร ร่วมกับคุณครูนาง คุณครูอัจฉรา อยู่ปิยะ คุณครูเจริญจิต ภัทรเสวี คุณครูกรองกาญจน์โรหิตเสถียรและคุณครูสืบพงษ์ สีนันสนธ์ เป็นต้น
ผลงานการแสดงที่คุณครูอุดมอังศุธร ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งคือ ได้รับการถ่ายทอดท่ารำฉุยฉายอินทรชิต ตัวแปลงเป็นพระอินทร์จากต้นฉบับท่ารำของคุณครูหลวงวิลาสวงงามศิลปินกรมมหรสพในรัชกาล 6 ที่เคยแสดงเป็นตัวนี้จนได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "อินทรนัฏ" เป็นฉบับท่ารำแบบเต็มในการแสดงโขนชุดศึกพรหมาศตร์ของกรมศิลปากร แสดงที่หอประชุมกระทรวงวันฒนธรรม สนามเสือป่า ภายหลังที่โรงละคร ศิลปากรถูกอัคคีภัย
ย้อนกลับไปเมื่อคุณครูอุดมศึกษาในระดับชั้นกลางปีที่ 3 ได้สอบคัดเลือกเป็นศิลปินสำรองของกองการสังคีตได้รับเงินเดือนละ 450 บาท เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับนาฏศิลป์ชั้นสูงปีที่ 2 จึงได้รับการบรรจุในตำแหน่งครูตรีสังกัดกองศิลปศึกษาโรงเรียนนาฏศิลป์(วิทยาลัยนาฏศิลป์ในปัจจุบัน)
เมื่อมาเป็นครูนาฏศิลป์ที่โรงเรียนนาฏศิลป์แล้ว นับเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญในชีวิตที่คุณครูอุดมได้รับความเมตตาจากคุณครูลมุล ยมะคุปต์ ศิลปินและครูฝีมือเยี่ยมแห่งสำนักละครวังสวนกุหลาบของสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา คุณครูลมุล ได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ ทางนาฏศิลป์ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏบัติ ตลอดจนกลวิธีแสดง วิธีถ่ายทอดนั้นเป็นการพูดคุยบอกเล่าถึงประสบการณ์ด้านการแสดงกลวิธีการแสดงวิธีการแสดงในรายละเอียดปลีกย่อยโดยเฉพาะเคล็ดลับวิชาการต่างๆ ทำให้คุณอุดมได้รับความรู้มากมาย เมื่อคุณครูลมุลไปฝึกซ้อมก็จะให้คุณครูอุดมช่วยสอนด้วยทุกครั้งจนเป็นที่ทราบกันทั่วไปในหมู่ศิษย์ว่าคุณครูอุดมเป็นลูกศิษย์ของคุณครูลมุลประดุจเงาตามตัวอย่างแท้จริง
ครูอุดม อังศุธร แสดงละครใน เรื่องอิเหนา ตอนสั่งถ้ำ ท่ารำโทนม้า
ม้าแสดงโดย ครูประเมษฐ์ บุณยะชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ไทย พุทธศักราช 2563
กิดาหยัน ครูวีระชัย มีบ่อทรัพย์ ครูศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ไทย พุทธศักราช 2548
บุษบา ครูรติวรรณ กัลยาณมิตร โดยมีครูลมุล ยมะคุปต์ ถ่ายทอดท่ารำ
ท่ารำคุณครูลมุล ได้รับการถ่ายทอดจากปรมาจารย์ในสำนักวังสวนกุหลาบมีมากมายหลายหลากเป็นกระบวนท่ารำที่สืบทอดมาจากละครหลวงในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาถึงละครหลวงในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งรูปแบบละครพันทางจากสำนักละครเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง และละครสำนักกรมพระนราธิป ได้มารวบรวมไว้ในคณะละครวังสวนกุหลาบโดยมีคุณครูลมุล ยมะคุปต์ เป็นตัวแสดงสำคัญทุกครั้งได้ถูกถ่ายทอดมายังคุณครูอุดมแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะท่ารำสำคัญ เช่นท่ารำชุดกลมเงาะ กลมอรชุน กลมนารายณ์ ท่ารำชุดลงสรงต่างๆ ท่ารำชุดฝรั่งรำเท้า ท่ารบไม้จีน ท่ารำชุดศุภลักษณ์อุ้มสม ท่าตรวจพล ออกกราวด้วยอาวุธต่างๆ โดยเฉพาะท่ากราวกระบองของศรีสุวรรณ เป็นต้น
เคล็ดลับวิชาทางนาฏศิลป์ที่ครูถ่ายทอดโดยตรงให้กับศิษย์ที่รักยิ่งเท่านั้น จากประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับคุณครูอุดม ก็ได้รับจากคุณครูลมุลไว้เกือบทั้งสิ้น เช่นหลักการตีบทและวิธีแก้ไขข้อบกพร่องช่วงท่าทางนาฏศิลป์ซึ่งเป็นศาสตร์สำคัญ ในส่วนของประสบการณ์แสดงคุณครูอุดมได้รับบทบาทเป็นตัวแสดงเบ็ดเตล็ดและผู้แสดงสำคัญมากมาย เช่น บทของพระราม พระลักษณ์ พระอินทร์ มานพ อินทรชิตแปลง ด้านละครสามารถแสดงได้ทุกบทบาท เช่น พระร่วง พระไวย พลายชุมพล สมิงพระราม เป็นต้น และที่ได้รับความนิยม จากประชาชนอย่างมาก นั่นคือ การแสดงละครแนวใหม่ของนายสมภพ จันทรประภา อดีตรองอธิบดีกรมศิลปากร เรื่องศรีธรรมมาโศกราช ในบทบาทของพระเจ้าศรีธรรมมา ณ โรงละครแห่งชาติ
คุณครูอุดมเป็นผู้แสดงที่มีปฏิภาณไหวพริบสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบนเวทีขณะแสดงได้อย่างดี ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ฝึกฝนมาอย่างดี เช่น ครั้งหนึ่งแสดงเป็นเจ้าเงาะ ในเรื่องสังข์ทอง ต้องออกหน้าพาทย์กลมเงาะ ขณะรำเผอิญพลาดทำกระบองหลุดจากมือจึงแก้ปัญหาด้วยทำทีเป็นเชินอายในลีลาท่านาฏศิลป์แล้วจึงหยิบกระบองขึ้นมาแสดงต่อไปได้อย่างสนิทสนมผู้ชมชอบใจท่าเขินอายเป็นอย่างมาก
ผลงานต่างๆ ที่วิทลัยนาฏศิลป์มีส่วนร่วมแสดง ณ โรงละครแห่งชาติและสถานที่ต่างๆ กล่าวได้ว่าประสบผลสำเร็จจากฝีมือการกำกับการแสดงและการฝึกซ้อมของคุณครูอุดมโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับบทบาทของตัวพระทั้งในการแสดงโขนและละครเป็นที่ยอมรับกันว่าหากศิษย์ผู้ใดผ่านการจับท่าจากคุณครูอุดมแล้ว ลีลาท่าทางของผู้นั้นจะสวยงามได้มาตรฐานการรำทุกคนนับเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของคุณครูอุดมที่นอกเหนือไปจากการเรียนการสอนในหลักสูตรนั่นคือกลวิธีการจับจุดท่ารำให้ได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นถ้าให้อ่อนหรือแข็ง ระดับแขนขาจะยกวางอยู่ในระดับใดจึงจะสวยงามซึ่งการเป็นครูนาฏศิลป์ทุกคนไม่อาจปฏิบัติได้ทุกคน
ในปี พ.ศ.2527 เมื่อกรมศิลปากรสรรหาบุคคลให้เป็นประธานประกอบพิธีไหว้ครูและครอบนาฏศิลป์สืบทอดต่อจากคุณครูอาคม สายาคม ที่ถึงแก่กรรมโดยกะทันหัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งพระราชทานครอบให้เป็นประธานผู้ประกอบพิธีเมื่อ
วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2527 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
โดยผู้ที่ได้รับพระราชทานครอบ และแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกอบพิธีไหว้ครูและครอบโขน - ละคร มี 5 ท่าน คือ
1.นายธีรยุทธ ยวงศรี
2.นายธงไชย โพธยารมย์
3.นายทองสุข ทองหลิม
4.นายอุดม อังศุธร
5.นายสมบัติ แก้วสุจริต
โดยคุณครูอุดม อังศุธร เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับพระราชทานครอบเป็นประธานประกอบพิธีไหว้ครูโขน - ละคร ด้วย
ที่มา : จากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนายอุดม กุลเมธพนธ์(อังศุธร)

















ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น