หมีขั้วโลก ด่านหน้าของภาวะโลกร้อน
หมีขาวหรือหมีขั้วโลก เจ้าของฉายา "ราชาแห่งขั้วโลกเหนือ" เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อยู่อาศัยอยู่แถบขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติก แม้รูปร่างหน้าตาของพวกมันจะน่ารัก แต่แท้จริงแล้วพวกมันเป็นสัตว์นักล่าที่เก่งกาจ โดยทั่วไปพวกมันจะใช้เวลาอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนทะเลคอยดักจับอาหารสุดโปรดปรานและมีพลังงานสูงอย่างแมวน้ำเพื่อสำรองพลังงานในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากปลายเดือนมิถุนายนของทุกปีน้ำแข็งในอ่าวจะละลายหายไปจนเห็นแต่ท้องทะเลทำให้พื้นที่สำหรับออกล่าหายไปพวกมันจึงต้องขึ้นฝั่งและอดอาหาร
หมีขาวนั้นเป็นสัตว์ที่สามารถอดอาหารได้นานถึง180วันหรือราว6เดือน ขณะที่หมีขาวตัวเมียที่ต้องท้องอยู่สามารถอดอาหารได้ถึง240วันหรือ8เดือน หลังจากนั้นพวกมันจะออกล่าอีกครั้งเพื่อสะสมพลังงานสำหรับการจำศีลครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตของนักล่าตัวใหม่นี้กำลังจะเปลี่ยนไปเนื่องจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภูมิอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงทศวรรธที่ผ่านมาทำให้น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วข้อมูลจากศุนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า นับตั้งแต่ทศวรรษ1980 ปริมาณน้ำแข็งในอ่าวฮัดสันลดลงเกือบร้อยละ50 ในช่วงฤดูร้อน ปกติแล้วแผ่นน้ำแข็งจะมีความหนาเฉลี่ยประมาณ10ฟุต สามารถรองรับน้ำหนักของหมีขาวที่หนักเฉลี่ย350-600กิโลกรัมได้ แต่น้ำแข็งที่ละลายและบางลงไม่สามารถรองรับน้ำหนักของพวกมันได้อีกต่อไปส่งผลให้ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ล่าของหมีขาวหายไป
ภาพแผ่นน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือที่กำลังละลายลงเรื่อยๆ
การออกล่าแมวน้ำจึงยากลำบากขึ้น บางครั้งหมีขาวต้องกินสาหร่ายซึ่งมีพลังงานน้อยกว่ามาก พวกมันอดอยากและผอมโซ ถ้าโชคดีอาจเจอซากแมวน้ำบริเวณชายฝั่งพอช่วยให้ประทังชีวิตในช่วงเวลาของการจำศีล
ภาพหมีขาวที่ออกมาหากินที่ถังขยะในบริเวณเขตแดนของมนุษย์
ปกติแล้วหมีขาวมีนิสัยที่ค่อนข้างดุร้ายและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ถ้าหลงเข้าไปในถิ่นของพวกมัน แต่ตอนนี้ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์จาการขาดแคลนแหล่งอาหารพวกมันจึงเริ่มรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของมนุษย์ ภาพหมีขาวขั้วโลกที่คุ้ยถังขยะเพื่อหาอาหารที่ปรากฎถี่ขึ้นสร้างความกังวลว่าพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อชาวเมืองได้ ชุมชนจึงติดกล้องวงจรปิดบริเวณถังขยะและเพิ่มการลาดตระเวนเพื่อความปลอดภัย
ภาพหมีขาวที่ออกมาหากินที่ถังขยะในบริเวณเขตแดนของมนุษย์
อาร์กติกเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนเร็วกว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆของโลก3-4เท่า นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าน้ำแข็งในอาร์กติกกำลังลดลงปีละ70,000ตารางกิโลเมตร และด้วยอัตรานี้ฤดูร้อนปี2035อาจเป็นฤดูร้อนที่ไม่มีแผ่นน้ำแข็งเลย
ผืนน้ำแข็งของอาร์กติกทำหน้าที่สะท้อนแสงอาทิตย์มากถึงร้อยละ80 หากปราศจากน้ำแข็งเหล่านี้ผืนมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้มจะดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ และยิ่งทำให้อุณหภูมิขั้วโลกเหนือร้อนระอุยิ่งขึ้น อาร์กติกที่สูญเสียความสามารถในการสะท้อนรังสีเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่ออุณหภูมทั่วโลกรวมถึงระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารทั้งหมด
ผืนน้ำแข็งเป็นที่อยู่ของพืชจำพวกสาหร่ายและมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหาร เป็นอาหารของแพลงก์ตอน ก่อนที่แพลงก์ตอนเหล่านี้จะกลายเป็นอาหารของสัตว์น้ำขนาดเล็กอย่างปลาและกุ้ง จากนั้นก็จะถูกกินโดยนก แมวน้ำและวาฬอีกทอดหนึ่ง และสุดท้ายสัตว์เหล่านั้นก็จะกลายเป็นอาหารของสุดยองนักล่าที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างหมีขาวนั่นเอง ดังนั้นหมีขาวจึงเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์แรกๆที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
ห่วงโซ่อาหารที่มีหมีขาวอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากการถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและได้รับคุ้มครองโดยองค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐแบบเดียวกับวาฬเบลูก้า ปัจจุบันมีหมีขาวอยู่ทั้งหมด22,000-31,000ตัว กระจายอยู่ในพื้นที่ในแถบอาร์กติกและมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆอย่างจำนวนหมีขาวในอ่าวฮัดสันนับตั้งแต่ทศวรรษ1980 หมีขาวลดลงจาก1,200ตัว เหลือราว800ตัว
รายงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเมเจอร์คายเมสเซ็นเปิดเผยว่า หากมนุษย์ไม่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ หมีขั้วโลกอาจสูญพันธุ์ใน80ปีหรือภายในปี2100 อย่างไรก็ตามหากโลกชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิได้แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะช่วยชะลอการสูญพันธุ์ของหมีขาวได้บ้าง
นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศกล่าวว่าปัญหาโลกร้อนควรเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ เพราะกำลังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลก ปกติแล้วสังคมค่อนข้างสนใจในการลดความเสี่ยง เราทุกคนต่างพยายามทำประกัน ถ้าทำได้เราก็พยายามซื้อกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้คนสนใจการลดความเสี่ยงกันอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเราขาดการตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศและคนรุ่นต่อไปในอนาคต
ปัจจุบันอุณหภูมิของโลกสูงเกือบ1.2องศาเซลเซียส ขณะที่ทั่วโลกต้องพยายามควบคุมไม่ให้อุณหภูมิสูงเกิน1.5องศาเซลเซียส หากสูงเกินกว่านั้นโลกจะเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างสุดขั้วและน้ำแข็งในอาร์กติกจะละลายหายไปเกือบหมด นั่นหมายความว่าที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลกเหล่านี้ก็จะหายไป การสูญพันธุ์ของหมีขั้วโลกอยู่ในมือของมนุษย์หากโลกยังเป็นเช่นนี้ต่อไปชีวิตของพวกมันก็คงไม่อาจอยู่รอด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น